"เค้าถามกูว่า เราสองคนเลิกพูดจาดีๆต่อกันตั้งแต่เมื่อไหร่วะ"
มีครั้งหนึ่งที่แฟนของเพื่อนเคยถามเพื่อนด้วยประโยคนี้ และถึงน้ำเสียงของแฟนมันจะดูขำๆไม่ได้คิดอะไร แต่โดยเนื้อหาแล้วมันก็เป็นเรื่องที่ทำให้เพื่อนคนนี้ต้องกลับมาทบทวนจริงๆว่า
เราเริ่มพูดจาไม่ดีต่อกันแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่
เป็นเรื่องปกติของทุกความสัมพันธ์ที่เมื่อเริ่มสนิทกัน ไว้ใจกัน หรือรู้จักกันดีขึ้น ความผ่อนคลายในทุกๆการกระทำก็จะมีมากขึ้น แต่น่าแปลกที่ยิ่งสนิท ยิ่งผูกพันธ์และยิ่งรักกันมากขึ้นเรื่อยๆ การกระทำของเรากลับสวนทางกับตอนแรกที่รู้จัก
"ทำไมในเมื่อเรารักกันมากขึ้น เราถึงกลับถนอมน้ำใจกันน้อยลง"
อาจจะเพราะช่วงแรกเราต้องการถนอมทุกอย่างเอาไว้ให้ดีที่สุด เราจึงถนอมคำพูด ถนอมใจ ถนอมทุกอย่างเพราะเราต้องการไปต่อให้ได้กับความสัมพันธ์นั้น
แต่เมื่อมันลุล่วงตามที่เราต้องการ ถึงจุดหนึ่งเราก็ไว้วางใจในอีกฝ่ายว่าเค้ารู้จักและรักเราที่สุด ไม่ว่ายังไงเค้าก็ไม่ไปไหน เราจึงพูดหรือทำในสิ่งที่เป็นตัวเรามากขึ้น มองแต่มุมตัวเองมากขึ้น
และสุดท้ายก็มาถึงจุดที่การชมเชยเป็นเรื่องที่อยู่ในใจ แต่อะไรที่ไม่พอใจกลับพูดมันออกมา
"ทำไมการชมกันถึงกลายเป็นเรื่องที่เราไม่อยากพูดวะ ทั้งที่เรารักเค้า แต่ทำไมเราถึงไม่อยากบอกว่าเค้าดีสำหรับเราขนาดไหน"
ความสัมพันธ์บางทีมันก็ซับซ้อนเกินเรื่อง เราบอกรักหรือถนอมน้ำใจกันน้อยลงทั้งที่ทุกอย่างมันลึกซึ้งขึ้น เราบ้าบอขนาดอยากรักษาเสถียรภาพของตัวเองไว้ อยากรักษา Ego ของตัวเองไว้ หลายครั้งเราก็ทำเหมือนว่าเราไม่ได้ดูรักเค้ามากจนเกินไป หรือดูแคร์เค้ามากจนเกินไป ทั้งที่ความจริงเราก็รักและแคร์เค้ามากจริงๆ
และซับซ้อนไปกว่านั้นที่เราก็ดันคิดเอาเองว่าเค้าต้องรู้สิว่าจริงๆเรารักเค้ามากโดยที่เราแสดงออกในทางตรงกันข้ามกัน
"เราทำไปทำไมวะ" เพื่อนพูดขึ้นมา และทุกคนก็หัวเราะ
หลายอย่างที่เราทำเพราะวางใจในความรักที่เค้ามีให้เรา อาจกลายเป็นการบั่นทอนกันโดยที่เราไม่รู้ตัว สิ่งที่สำคัญที่สุดคือในตอนนี้ ที่เราสองคนต่างรักกัน การแสดงออกว่ารักและการถนอมน้ำใจ เป็นเรื่อง Basic ที่เราควรแสดงออกต่อกันเพื่อเติมความสัมพันธ์ต่อไป รักมากก็คือรักมาก
รักมาก ก็คือถนอมน้ำใจกันให้มาก
รัก
ช่า บันทึกของตุ๊ด